วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วีธีการลง windown xp


1.เริ่มต้น โดยการเซ็ตให้บูตเครื่องจาก CD-Rom Drive ก่อน โดยการเข้าไปปรับตั้งค่าใน bios ของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเลือกลำดับการบูต ให้เลือก CD-Rom Drive เป็นตัวแรก

2.ทำการปรับเครื่อง เพื่อให้บูตจาก CD-Rom ก่อน จากนั้นก็บูตเครื่องจากแผ่นซีดี Windows XP Setup โดยเมื่อบูตเครื่องมา จะมีข้อความให้กดปุ่มอะไรก็ได้ เพื่อบูตจากซีดี ก็เคาะ Enter ไปทีนึงก่อน


3.โปรแกรมจะทำการตรวจสอบและเช็คข้อมูลอยู่พักนึง รอจนขึ้นหน้าจอถัดไป


4.เข้ามาสู่หน้า Welcome to Setup กดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

5.หน้าของ Licensing Agreement กดปุ่ม F8 เพื่อทำการติดตั้งต่อไป


6.ทำการเลือก Drive ของฮาร์ดดิสก์ที่จะลง Windows XP แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

7.เลือกชนิดของระบบ FAT ที่จะใช้งานกับ Windows XP หากต้องการใช้ระบบ NTFS ก็เลือกที่ข้อบน แต่ถ้าจะใช้เป็น FAT32 หรือของเดิม ก็เลือกข้อสุดท้ายได้เลย (no changes) ถ้าไม่อยากวุ่นวาย แนะนำให้เลือก FAT32 นะครับ แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

8.โปรแกรมจะเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้ง รอสักครู่

9. หลังจากนั้น โปรแกรมจะทำการ Restart เครื่องใหม่อีกครั้ง (ให้ใส่แผ่นซีดีไว้ในเครื่องแบบนั้น แต่ไม่ต้องกดปุ่มใด ๆ เมื่อบูตเครื่องใหม่ ปล่อยให้โปรแกรมทำงานไปเองได้เลย)


10.หลังจากบูตเครื่องมาคราวนี้ จะเริ่มเห็นหน้าตาของ Windows XP แล้วรอสักครู่


11.โปรแกรมจะเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้งต่าง ๆ ก็รอไปเรื่อย ๆ


12.จะมีเมนูของการให้เลือก Regional and Language ให้กดปุ่ม Next ไปเลยยังไม่ต้องตั้งค่าอะไรในช่วงนี้


13.ใส่ชื่อและบริษัทของผู้ใช้งาน ใส่เป็นอะไรก็ได้ แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป


14.ทำการใส่ Product Key (จะมีในด้านหลังของแผ่นซีดี) แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป


15.หน้าจอให้ใส่ Password ของ Admin ให้ปล่อยว่าง ๆ ไว้แบบนี้แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป


16.เลือก Time Zone ให้เป็นของไทย (GMT+07:00) Bangkok, Hanoi, Jakarta แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป


17.รอสักพัก จนกระทั่งขั้นตอนต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อย ก็พร้อมแล้วสำหรับการเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows XP จากนั้น จะมีการบูตเครื่องใหม่อีกครั้ง เพื่อเริ่มต้นการใช้งานจริง ๆ


18.บูตเครื่องใหม่คราวนี้ อาจจะมีเมนูแปลก ๆ แบบนี้ เป็นการเลือกว่า เราจะบูตจากระบบ Windows ตัวเก่าหรือจาก Windows XP ก็เลือกที่ Microsoft Windows XP Professional


19.เริ่มต้นบูตเครื่อง เข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows XP


20.ในครั้งแรก อาจจะมีการถามเรื่องของขนาดหน้าจอที่ใช้งาน กด OK เพื่อให้ระบบตั้งขนาดหน้าจอให้เราได้เลย นอกจากนี้ ถ้าหากเครื่องไหนมีการถาม การติดตั้งค่าต่าง ๆ ก็กดเลือกที่ Next หรือ Later ไปก่อน บางครั้งอาจจะมีให้เราทำการสร้าง Username อย่างน้อย 1 ชื่อก่อนเข้าใช้งาน ก็ใส่ชื่อของคุณเข้าไปได้เลย

วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ภาพสายรุ้ง

1.เลือกภาพวิวที่ต้องการมา

2.สร้างLayer ขึ้นมาอีก 1 เลเยอร์

3.จากนั้นไปที่แถบเครื่องมือ gradient tool แล้วไปเปลี่ยนค่าเป็น สเปเชี่ยนเอฟเฟก แล้วเลือกรูปที่2เพื่อที่จะได้ภาพสายรุ้งโค้งแล้วปรับสายรุ้งตามต้องการ

4.ถ้าต้องการให้สีสายรุ้งจางลง ให้ไปปรับที่ opacity

5.ก็จะได้สายรุ้งใส่ภาพที่ต้องกา่ร


ภาพวาด

1.เลือกรูปทีเรา่ต้องการ

2.จากนั้น copy Backgroud

3.จากนั้นไปที่Filter>Stylize>Find Edges

4จากนั้นไปที่ Filter>Blur>Gaussian Blur

5.แล้วปรับระดับตามความเหมาะสม


ภาพ3มิติ

1.ไปที่ file new เพื่อสร้างกระดาษ

2.ไปที่ filter> Render > clouds

3.จากนั้นไปที่ filter> stylize>Extrude แล้วตั้งค่าเป็น 8 กับ 100

4.ก็จะได้ภาพ 3 มิติ แล้วก็นำภาพที่ต้องการมาลง

ภาพเบลอ

1.เลือกรูปที่ต้องการจะเบลอ

2.แล้วกด ctrl+J เพื่อเพิ่ม Layer อีก

3.จากนั้นไปที่ Fiter>Blur>Gaussian Blurปรับระดับความเบลอของรูปที่ต้องการ

4. ไปที่ Add Vector Mask เพื่อเพิ่ม Layer ซ้อนขึ้นมา

5.แล้วไปที่เครื่องมือ Brush Tool เพื่อจะทำให้ภาพที่เราไม่ต้องการเบลอชัดขึ้น
โดยปรับเปลี่ยนสีให้เป็น สีดำ-ขาว

6.จากนั้นก็ทำการ Brush ตรงที่เราไม่ต้องการเบลอ

7. ก็จะได้ภาพเบลอตามต้องการ

ภาพจิ๊กซอ

1.เลือกภาพที่จะนำมาทำเป็นจิ๊กซอให้เป็นฺ Back ground

2.กด ctrl+J เพื่อเพิ่ม Layer

3.ไปที่ Styles เลือกลูกเล่นที่ Puzzle (Image) เพื่อให้ภาพเป็นจิ๊กซอ

4.จากนั้นไปปรับภาพที่ Opacity ประมาณ 50

5.แล้วไปดับเบิ้ลคลิกที่ Back ground ที่เราแต่งมันจะขึ้นเป็น Layer Style

6.ให้ไปคลิกที่ Texture ไปปรับที่ Scale และ Depth ตามความต้องการของเรา

7. ก็จะได้ภาพจิ๊กตามที่ต้องการ


ภาพโลโม่

1.เลือกภาพที่ต้องการ

2.สร้าง Background ขึ้นมาอีกหนึ่ง โดยคลิกขวาที่ Background คลิกที่ Duplicate Layer

3.เปลี่ยน Normal ให้เป็น Soft Light

4.จากนั้นสร้าง layer ใหม่ขึ้นมาแล้วเปลี่ยน feather เป็น 30px ไปที่เครื่องมือ Rectargvlar Marquee Tool คลิกลากใส่รูปคล้ายกรอบรูป

5.แล้วคลิกขวา Select Inverse ใช้เครื่องมือ Paint Bucket Tool เพื่อเติมสีเลือกเป็นสีดำ-ขาว
จากนั้นกด curl+ j เพื่อ copy layer เปลี่ยน Nomal ให้เป็น Overley ทั้งสอง

7.สร้าง layer ขึ้นมาอีก1เลเยอร์ แล้วไปที่เครื่องมือ Gradient tool สีให้เป็นสีขาวหมด

8.คลิืกลากเพื่อทำเป็นคล้ายๆแสงสว่าง

9. ก็จะได้ภาพโลโม่ตามที่ต้องการ

ภาพซ้อน


1.เลือกรูปที่ต้องการมา 1 รูป

2.จากนั้นลากรูปที่เตรียมไว้มาซ้อนที่ Backgroud เดียวกัน

3.จากนั้นไปที่ Layer> Layer Mask>Reveal All

4.เสร็จแล้วไปที่เครื่องมือ Gradient Tool แล้วคลิกเลือกสีขาวดำ

5. จากนั้นลากภาพใส่กันแล้วปรับระดับความเหมาะสม

ภาพสเก็ต


วิธีการทำภาพสเก๊ต
1.เลือกรูปที่ต้องการ
2.copy Backgroud คลิกขวาที่ Backgroud เลือก Duplicate Layer
3.กด Shift+Ctrl+Alt จะเป็นภาพขาวดำ
4.จากนั้นทำการ Copy Layer ดับเบิ้ลคลิกที่ Layer copy เปลี่ยนจาก Nomal ให้เป็น Color Dodge
5.กด Ctrl+I ไปที่ Filter+Blur+Gaussian Blur
6.ปรับภาพตามต้องการ

ภาพสีน้ำ


วิธีทำภาพสีน้ำ
1.เลือกรูปที่ต้องการมา
2.จากนั้นไปที่ Filter+Artistic+Watercolor
3.ปรับระดับตามความต้องการให้ออกมาดูเหมาะสม

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การทำกรอบรูป


1. หากรอบรูปที่ต้องการ

2.ใช้เครื่องมือ Magic Wand tool เพื่อตัดกรอบรูปสีขาวให้เป็นช่องว่าง

3.ลากกรอบรูปไปใส่รูปตามที่ต้องการ

การทำภาพฉีกขาด


1.เลือกภาพที่ต้องการที่จะฉีกมา1ภาพ

2.จากนั้นใช้เครื่องมือ Lasso tool มาตัดภาพตรงส่วนที่ต้องการจะฉีก

3.ไปที่ File new เพื่อสร้างกระดาษมา 1หน้า จากนั้นไปนำภาพที่ตัดแล้ว ลากมาใส่กระดาษที่สร้างขึ้นมาใหม่

4.ส่วนภาพที่เหลือก็ให้ตัดเช่นเดียวกันแต่ให้ตัดเกินออกมานิดนึงให้คล้ายๆรอยฉีก รอยต่อ เพื่อความสมจริงของภาพ

5.เสร็จแล้วลากภาพส่วนที่เหลือมา แล้วทำการจักตกแต่งภาพ

การทำสายฟ้า


1.ไปที่ File New เพื่อสร้างกระดาษ เลือกรุปแบบกระดาษเป็น Internationnal paper

2.เมื่อได้หน้ากระดาษมาแล้วให้ไปที่เครื่องมือ Gradient tool เลือกสีดำ-ขาว แล้วคลิกลากเพื่อทำให้หน้ากระดาษมีสีดำแกมขาว

3.จากนั้นทำให้ภาพ background เป็น Layer 0

4.เปลี่ยน Layar normal ให้เป็น screen

5.ไปที่ Filter Render-difference Clouds

6.กด Ctrl+I และกด Ctrl + L แล้วปรับขนาด Input Levels ประมาณ 204 และ 0.40 หรือตามความเหมาะสม

7.เสร็จแล้วก้เลือกภาพที่ต้องการมา แล้วไปคลิกลากภาพสายฟ้ามาใส่ภาพนั้น ๆ

8.เมื่อต้องการเปลี่ยนสีสายฟ้าให้กด ctrl+U โดยคลิกปุ่ม Colorize เพื่อที่จะเลือกสีได้

9.เสร็จแล้วก็จะได้ภาพสายฟ้าตามที่ต้องการ

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking)

การคิดเชิงสร้างสรรค์ หมายถึง การคิดแบบไม่เหมือนใครคือการคิดแบบแหวกแนวคิดขึ้นมาใหม่ที่มันดูสร้างสรรค์ ใช้การได้ และดูเหมาะสม

วิธีพัฒนา Creative Thinking ( ความคิดสร้างสรรค์ )
ช่วยกันระดมสมอง เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในองค์กร เพราะวิธีนี้สามารถทำให้เกิดความคิดใหม่ๆ ขึ้นมากมาย
ลองคิดในมุมกลับ การคิดวิธีนี้จะทำให้เราไม่ยึดติดกับความคิดเดิมๆ และเป็นการช่วยกระตุ้นให้เกิดความคิดใหม่ๆ ที่เราไม่คาดคิดมาก่อน
ตั้งคำถามให้ตัวเอง วิธีนี้เป็นการฝึกนิสัยเราให้เป็นคนใช้ความคิด โดยที่เราหมั่นตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว ( อะไร? , ใคร? , ความสุขคืออะไร? )
ใช้การเปรียบเทียบ เทคนิคนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการอุตสาหกรรม.. ปัญหาที่เราไม่คุ้นเคยจะถูกทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น เมื่อเรานำมาเปรียบเทียบหรือ อุปมาอุปไมย และปัญหาทีเราคุ้นเคยมากจนกลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้เราไม่สามารถคิดอะไรใหม่ๆ ได้ วิธีนี้ก็จะช่วยให้เราคิดในมุมที่แตกต่างได้
สิ่งใหญ่ๆที่เกิดขึ้น จะต้องเกิดมาจากสิ่งเล็กๆก่อนเสมอ นั่นหมายความว่า ประเทศไทยจะมีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีได้ จะต้องมีบุคลากรที่มีคุณภาพเสียก่อน ถ้าคนไทยมีความคิดสร้างสรรค์ ก็จะนำไปสู่การพัฒนาองค์กรให้เข้มแข็ง เมื่อองค์กรมีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดี ประเทศชาติก็จะก้าวหน้าตามไปด้วย

ความคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking) คือ ความคิดที่แปลกแตกต่าง เป็นสิ่งใหม่และเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ชาติ การก่อรูปความคิดสร้างสรรค์ 1. สะสม คือ การสั่งสมความรู้ทั่วไปอย่างสม่ำเสมอ

2. บ่มเพาะ คือ ครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่สั่งสมอยู่ในจิตใจ

3. สุกงอม คือ ปล่อยความคิด

4. จุดประกาย คือ เกิดความคิดใหม่

5. เกิดความคิดสร้างสรรค์ คือความคิดซึ่งผิดแปลกแตกต่างจากเดิม เกิดความคิดสิ่งใหม่ขึ้นมา

6. ตกผลึก คือ การเข้าใจในสิ่งนั้นอย่างกระจ่างชัด

7. ขับเคลื่อน คือ นำความคิดนั้นไปสู่รูปธรรม

8. สู่นวัตกรรม คือ เกิดเป็นสิ่งใหม่ขึ้นมา

เทคนิคการฝึกความคิดสร้างสรรค์

1. ใช้ความคิดตลอดเวลา โดยตั้งคำถามและหาเหตุผลในคำตอบ

2. ฝึกการคิดอย่างรอบด้าน ไม่ยึดติดแนวคิดใดแนวคิดหนึ่งเพียงด้านเดียว

3. สลัดความคิดครอบงำ โดยไม่จำกัดกรอบความคิดของตนเองไว้กับความเคยชินเก่า ๆ

4. จัดระบบความคิด โดยหาเหตุผลจัดระบบความคิดการเปรียบเทียบ การมองหลายมิติ หรือค้นหาความจริง

5. ยึดมั่นในหัวใจนักปราชญ์ ได้แก่ ฟัง คิด ถาม เขียน ซึ่งอาจใช้การระดมสมองเป็นตัวกระตุ้น

6. ฝึกความเป็นคนช่างสังเกตจดจำ เป็นการสั่งสมประสบการณ์และกระตุ้นให้เกิดความคิดใหม่

7. ฝึกการระดมพลังสมอง เป็นการรวบรวมความคิดสร้างสรรค์ของบุคคล หลายๆ ฝ่าย

8. พยายามสร้างโอกาสแห่งความบังเอิญ คือ บางสิ่งไม่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันเลย อาจจะเป็นคำตอบต่อปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นได้

9. ไม่กลัวความล้มเหลวหรือการเสียหน้า เพราะการเสนอความคิดเห็นไม่มีถูก หรือผิด

10. ไม่ย้ำรอยอยู่แต่ความสำเร็จเดิม เช่น การกระทำทุกอย่างเมื่อเห็นว่าดี ประสบความสำเร็จแล้ว ต่อไปควรจะพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยวิธีการใหม่

เทคนิคการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์

1. ทฤษฎีกระดาษเปล่า (Blank paper theory) หมายถึงการไม่ตีกรอบความคิดผู้อื่น ไม่คิดถึงปัญหา อุปสรรค ขีดจำกัดหรือ ความเป็นไปไม่ได้

2. การรวมและการแยก (Integrate & Separate) คือ การรวมกันจะเกิดอะไรขึ้น ดีขึ้นไหม หรือทำอย่างไรให้ดีขึ้นกว่าเดิม ถ้าหากแยกกันจะเกิดอะไรขึ้น มีประโยชน์มากน้อยแค่ไหนและทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร

3. การตั้งคำถาม (Inquiry) - ถามเหตุผล ว่า.........ทำไม - ถามสมมุติ ........ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วจะทำอย่างไร - ถามเปรียบเทียบเชิงพัฒนา เช่น - อะไรที่คนอื่นทำแล้วแต่เรายังไม่ได้ทำ - เราทำได้ไหมและจะต้องรีบทำอะไร - อะไรที่เราทำแล้วแต่คนอื่นทำดีกว่า - ถามต่อเนื่อง เช่น ........ทำอะไร ทำได้ไหม ทำอย่างไร จะต้องเปลี่ยนแปลงอะไร

4. การเลียนแบบ (Synetics) คือ การทำให้แตกต่าง ก้าวหน้า ดีกว่าเดิมแล้วกระโดดไปสู่สิ่งใหม่

5. การเพิ่มมูลค่า (Value Added) เช่น ปรับแต่งให้ดีขึ้นกว่าของเดิม แปรรูปจากของเดิมเป็นสิ่งใหม่นำของเก่ากลับมาใช้ใหม่ โดยทำให้เสียน้อยที่สุดและมีการประกันความเชื่อมั่นใน สิ่งนั้น

วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เทคนิค photoshop cs5 highlight ผม



เทคนิคการใช้โปรแกรม โปรโต้ช็อป photoshop ทำการ highlight ผม ให้มีสีสรรสวยงาม ด้วยวิธีที่ง่ายดาย


1.เลือกรูปที่ต้องการมาใส่ไว้ใน photoshop





2.สร้างเลเยอร์ขึ้นมาใหม่ อีก 1 เลเยอร์







3.เลือกสีตามต้องการ และเลือก ใช้เครื่องมือ Polygonal Lasso Tool





4.วาดแถบสีของเส้นผมที่ต้องการทำไฮไลท์ และใช้สีที่ต้องการเทลงไป กด ctrl+d เพื่อให้การ select หายไป



5.จากนั้นไปที่ Filter > Blur > Gaussian Blur แล้วปรับค่า Radus เป็น 17.6 หรือลองปรับไปเรื่อยๆตามความเหมาะสม




Gaussian Blur photoshop cs





6.แค่นี้เราก็จะได้สีผมไฮไลท์ตามที่ต้องการแล้ว




โดย นางสาววิยะดา วัชรรัตนากุล สสท.1/1 เลขที่ 8

วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553

กาแล็คซี่ เอส


โทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของซัมซุงรุ่นใหม่ล่าสุด กาแล็คซี่ เอส
ก่อนหน้านั้น 1 วัน ซัมซุง เปิดตัวโทรศัพท์มือถือกาแล็คซี่ เอส อย่างเป็นทางการในภูมิภาคเอเชีย โดย นายเกรกอรี่ ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทซัมซุง เอเชีย จำกัด กล่าวว่า การวางจำหน่ายกาแล็คซี่ เอส ในช่วงแรกจะขายผ่านโอปเรเตอร์ผู้เป็นพาร์ท เนอร์ของซัมซุง เช่น เอไอเอส ในประเทศไทย ออพตุส ในออสเตรเลีย เทลคอม อินโดนีเซีย และเป็นครั้งแรกที่เอ็นทีที โดโคโม ประเทศญี่ปุ่น นำกาแล็คซี่ เอส เข้าไปให้บริการในประเทศญี่ปุ่นด้วย

กาแล็คซี่ เอส เป็นโทรศัพท์มือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ รุ่นที่ 4 ของซัมซุง แต่เป็นรุ่นที่สองที่เอาเข้ามาวางขายในไทย ครั้งแรกที่เห็นหน้าตานึกว่าเป็นคู่แฝดของไอโฟน เพราะหน้าตาเหมือนกัน แต่กาแล็คซี่ เอสจะจอใหญ่กว่า บางกว่าจนเห็นได้ชัด

กาแล็คซี่ เอส รองรับระบบ 3จี ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 2.1 จอ 4 นิ้ว เป็นจอซูเปอร์ อโมเลด (SUPER AMOLED) ที่มีความพิเศษ ก็คือ มีความสว่างเพิ่มขึ้นจากจออโมเลด ธรรมดาถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ลดแสงจ้าได้มาก ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ มองได้คมชัดทุกมุมมอง อีกสิ่งหนึ่งที่จอซูเปอร์ อโมเลด ทำได้ก็คือ ประหยัดไฟ ทำให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานมากขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์

หน่วยความจำ 32 กิกะไบต์

โปรเซสเซอร์ถือเป็นจุดเด่นอีกอย่างของกาแล็คซี่ เพราะเป็นโปรเซสเซอร์ความเร็ว 1 กิกะเฮิรตซ์ ถือว่าเร็วที่สุดของโทรศัพท์ มือถือที่มีวางจำหน่ายในขณะนี้ ประโยชน์ จากชิปที่มีความเร็วระดับนี้ จะช่วยให้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเร็วขึ้น สามารถเปิดหน้าเว็บไซต์ได้หลายหน้าพร้อมกัน

การเชื่อมต่อทำได้ผ่านบลูทูธ 3.0ยูเอสบี 2.0 ช่วยให้รับส่งข้อมูลได้เร็วกว่าเวอร์ชั่นเก่า และไวไฟ 802.11

กล้องถ่ายรูป ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มีลูกเล่นมากมายขณะถ่ายภาพเหมือนกล้องคอมแพ็คดิจิทัล เช่น ถ่ายทีละเฟรม ครบสองภาพ จะต่อภาพให้อัตโนมัติ รูปออกมาเหมือนว่าเรามาด้วยกัน ในเวลาเดียว หรือจะทำให้รูปภาพเป็นภาพกล้องตาปลาก็ได้

ทั้งหมดนี้คือ จุดเด่นหลัก ๆ ของซัมซุง กาแล็คซี่ เอส ที่เห็นได้ชัดเจน ยอมรับว่า เป็นโทรศัพท์มือถือแอน ดรอยด์อีกรุ่น ที่น่าใช้จริง ๆ ด้วยสเปก ความเร็วและจอที่คมชัดมาก ๆ ที่สำคัญใช้งานง่ายมาก ผ่านไอคอนที่ดูง่ายสบายตา แม้จะเป็นมือใหม่ก็เรียนรู้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว

โทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ใช้ระบบปฏิบัติ การแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 2.1 ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่า สุด จึงมีโปรแกรมมากมายให้เล่นสนุก เช่นโปรแกรมดูข้อมูลจากสถานที่จริงบนระบบ แอนดรอยด์ หรือ ลายา (Layar) แค่ส่องมือถือไปรอบ ๆ ระบบจะเชื่อมต่อข้อมูลแค่นี้ ก็จะรู้ตำแหน่ง ดูภาพและรายชื่อสถานที่ในบริเวณนั้น

แต่จุดที่น่าจะเป็นปัญหาขณะกำลังใช้งานกล้องถ่ายรูปก็คือ ปุ่มชัตเตอร์เป็นระบบสัมผัสบนหน้าจอ เราจะต้องใช้นิ้วชี้หรือนิ้วที่ถนัดแตะรูปกล้องหน้าจอ ทั้งยังเป็นชัตเตอร์ที่เร็วมาก ทำให้ไม่ค่อยถนัด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร หากมีปุ่มชัตเตอร์อยู่ด้านข้างให้พอดีกับนิ้วชี้จะลงตัวที่สุด

ผู้บริหารซัมซุงเอเชียยกให้ กาแล็คซี่ เอส เป็นสุดยอดโทรศัพท์มือถือประจำปีนี้ ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนถึงเข้านอน ชีวิตของเราจะผูกอยู่กับกาแล็คซี่ เอส จากซอฟต์แวร์ที่อยู่ในตัวเครื่อง แม้กระทั่งอ่านหนังสือ เพราะใช้เป็นอีบุ๊กได้

เร็วขั้นเทพ เก่งขนาดนี้ ก็ต้องทำใจเรื่องราคาไม่ถูกแน่ ๆ.

ปรารถนา ฉายประเสริฐ
prathana.chai@gmail.com